รับทำวีซ่าอุบลราชธานี ขอคำปรึกษาฟรี | ทุกปัญหาวีซ่า เราช่วยคุณได้

UPDATE ฝรั่งเศสเปิดพรมแดนแล้ว 9 มิถุนายน 2564

สอบถามผ่านแบบฟอร์ม

หากคุณมีความกังวลใด ๆ หรือต้องการสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม ที่เกี่ยวข้องกับการให้บริการที่เรา กรุณากรอกแบบฟอร์มด้านล่างนี้ กรุณาให้แน่ใจว่าจะกรอกข้อมูลในช่องที่มีเครื่องหมาย *เราจะตอบคำถามของคุณที่มีโอกาสใช้ได้เร็วที่สุด

ที่ตั้งสำนักงาน

UPDATE ฝรั่งเศสเปิดพรมแดนแล้ว 9 มิถุนายน 2564

UPDATE

ฝรั่งเศสเปิดพรมแดนแล้ว 9 มิถุนายน 2564
ประเทศไทยอยู่ในกลุ่มประเทศสีส้ม โดยผู้ที่รับการฉีดวัคซีนแล้วไม่ต้องกักตัวและไม่ต้องตรวจเชื้อซ้ำ ต้องแสดงผล test PCR เป็นลบไม่เกิน 72 ชม. ส่วนผู้ที่ยังไม่ได้รับวัคซีนสามารถกักตัวที่บ้านแฟนหรือญาติและครอบครัว 7 วัน
เดินทางได้ทั้งที่จดทะเบียนและเดินทางเยี่ยมแฟนที่ยังไม่จดทะเบียน โดยมีเหตุผลในการเดินทางที่จำเป็น

เมื่อวันที่ 4 มิ.ย. 2564 Jean-Baptiste Lemoyne รมช.กต.รับผิดชอบการท่องเที่ยว ชาวฝรั่งเศษในต่างประเทศ และ Francophonie ได้แจ้งรายละเอียดของมาตรการเดินทางเข้า – ออกประเทศฝรั่งเศส ตั้งแต่วันที่ 9 มิ.ย. 2564 เป็นต้นไป โดยแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มประเทศ ดังนี้

กลุ่มประเทศสีเขียว หรือกลุ่มประเทศที่ไม่มีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโดยทั่วไป หรือไม่มีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสสายพันธุ์ใหม่ที่น่ากังวล ได้แก่ ประเทศในอียู ออสเตรเลีย เกาหลีใต้ อิสราเอล ญี่ปุ่น เลบานอน นิวซีแลนด์ และสิงคโปร์

การเดินทางออกจากประเทศฝรั่งเศสไปยังประเทศสีเขียว
1.หากมีหลักฐานการฉีดวัคซีนที่ได้รับความเห็นชอบจากองค์กรยายุโรป
– ไม่ต้องมีเหตุจำเป็นในการเดินทาง (ยกเว้นกรณีที่ประเทศปลายทางกำหนด)
– การตรวจหาเชื้อก่อนขึ้นเครื่อง, เมื่อเดินทางถึง, การแยกตัวเป็นไปตามมาตรการของประเทศปลายทาง
2.หากยังไม่ได้ฉีดวัคซีน
– ไม่ต้องมีเหตุจำเป็นในการเดินทาง (ยกเว้นกรณีที่ประเทศปลายทางกำหนด)
– การตรวจหาเชื้อก่อนขึ้นเครื่อง, เมื่อเดินทางถึง, การแยกตัวเป็นไปตามมาตรการของประเทศปลายทาง

การเดินทางจากประเทศสีเขียวไปยังประเทศฝรั่งเศส
1.หากมีหลักฐานการฉีดวัคซีนที่ได้รับความเห็นชอบจากองค์กรยายุโรป
– ไม่ต้องมีเหตุจำเป็นในการเดินทาง
– ไม่ต้องแสดงผลการตรวจหาเชื้อเป็นลบก่อนขึ้นเครื่อง หรือเมื่อเดินทางถึงประเทศฝรั่งเศส
– ไม่ต้องแยกตัว
2.หากยังไม่ได้ฉีดวัคซีน
– ไม่ต้องมีเหตุจำเป็นในการเดินทาง
– ต้องแสดงผล test PCR หรือ test antigénique เป็นลบไม่เกิน 72 ชม. ก่อนเดินทาง
– ไม่ต้องตรวจหาเชื้ออีกครั้งเมื่อเดินทางถึงฝรั่งเศส และไม่ต้องแยกตัว

กลุ่มประเทศสีส้ม หรือกลุ่มประเทศที่มีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส แต่ยังคงสามารถควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดไว้ได้ และไม่มีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสสายพันธุ์ใหม่ที่น่ากังวล ได้แก่ ทุกประเทศที่ไม่ใช่กลุ่มสีเขียวหรือสีแดง (รวมถึงประเทศไทย)

การเดินทางออกจากประเทศฝรั่งเศสไปยังประเทศสีส้ม
1.หากมีหลักฐานการฉีดวัคซีนที่ได้รับความเห็นชอบจากองค์กรยายุโรป
– ไม่ต้องมีเหตุจำเป็นในการเดินทาง (ยกเว้นกรณีที่ประเทศปลายทางกำหนด)
– การตรวจหาเชื้อก่อนขึ้นเครื่อง, เมื่อเดินทางถึง, การแยกตัวเป็นไปตามมาตรการของประเทศปลายทาง
2.หากยังไม่ได้ฉีดวัคซีน
– ต้องมีเหตุผลจำเป็นในการเดินทางออกจากประเทศฝรั่งเศสและขึ้นอยู่กับประเทศปลายทางด้วย
– การตรวจหาเชื้อก่อนขึ้นเครื่อง, เมื่อเดินทางถึง, การแยกตัวเป็นไปตามมาตรการของประเทศปลายทาง

การเดินทางจากประเทศสีส้มไปยังประเทศฝรั่งเศส
1.หากมีหลักฐานการฉีดวัคซีนที่ได้รับความเห็นชอบจากองค์กรยายุโรป
– ไม่ต้องมีเหตุจำเป็นในการเดินทาง
– ต้องแสดงผล test PCR เป็นลบไม่เกิน 72 ชม. ก่อนเดินทางหรือ test antigénique ไม่เกิน 48 ชม. ก่อนเดินทาง
– ไม่ต้องตรวจหาเชื้ออีกครั้งเมื่อเดินทางถึงฝรั่งเศส และไม่ต้องแยกตัว
2.หากยังไม่ได้ฉีดวัคซีน
– ต้องมีเหตุผลจำเป็นในการเดินทางเข้าประเทศฝรั่งเศส
– ต้องแสดงผล test PCR เป็นลบไม่เกิน 72 ชม. ก่อนเดินทางหรือ test antigénique ไม่เกิน 48 ชม. ก่อนเดินทาง
– สุ่มตรวจ test antigénique เมื่อเดินทางถึงประเทศฝรั่งเศส
– แยกตัวเป็นเวลา 7 วัน เมื่อเดินทางถึงประเทศฝรั่งเศส

เหตุผลจำเป็นในการ “เดินทางเข้า” ประเทศฝรั่งเศสจากประเทศสีส้ม ได้แก่
– เป็นชาวฝรั่งเศสและคู่สมรส (หรือคู่ชีวิต หรืออยู่ร่วมกัน) และบุตร
– เป็นบุคคลสัญชาติประเทศสมาชิกอียู และคู่สมรส (หรือคู่ชีวิต หรืออยู่ร่วมกัน) และบุตร ซึ่งมีถิ่นพำนักหลักที่ฝรั่งเศส หรือประสงค์ที่จะเดินทางผ่านประเทศฝรั่งเศสไปยังถิ่นพำนักหลักในอีกประเทศในอียู
– ชาวต่างชาติที่มีบัตรต่างด้าว (titre de séjour) หรือมีวีซ่าระยะยาวของฝรั่งเศส หรือของยุโรป ซึ่งยังมีอายุอยู่ และมีถิ่นพำนักหลักในประเทศฝรั่งเศส หรือประสงค์ที่จะเดินทางผ่านประเทศฝรั่งเศสไปยังถิ่นพำนักหลักในอีกประเทศในอียู
– ชาวสหราชอาณาจักรและสมาชิกครอบครัวตาม คตล. Brexit รวมทั้ง ขรก. และ จนท. ที่ต้องปฏิบัติหน้าที่บริเวณช่องแคบอังกฤษ
– ชาวต่างชาติที่มีวีซ่าระยะยาวประเภทของการรวมตัวกันของครอบครัว
– บุคลากรทางการแพทย์และนักวิจัยต่างชาติ รวมทั้งคู่สมรสและบุตร
– บุคลากรทางการแพทย์และนักวิจัยต่างชาติที่เดินทางมาฝึกงาน
– ชาวต่างชาติที่มีวีซ่าประเภท VLS “Passeport Talent” รวมทั้งคู่สมรสและบุตร
– นศ. ที่สมัครเรียนในมหาวิทยาลัย ฝศ. ปีการศึกษา 2021-2022
– พนักงานขนส่ง (บก, เรือ, อากาศ)
– ชาวต่างชาติที่ปฏิบัติหน้าที่ใน สอท., สกญ., องค์การ รปท. ใน ฝศ. รวมทั้งคู่สมรสและบุตร และชาวต่างชาติที่จำเป็นต้องเดินทางมาประเทศฝรั่งเศสเพื่อราชการของต่างประเทศ
– ผู้ที่ transit ไม่เกิน 24 ชม. และไม่ออกจากสนามบิน

เหตุผลจำเป็นในการ “เดินทางออก” จากประเทศฝรั่งเศสไปยังกลุ่มประเทศสีส้ม/สีแดง ได้แก่
– ชาวต่างชาติเดินทางกลับประเทศของตนเอง
– ญาติใกล้ชิดเสียชีวิตหรือป่วยอาการหนัก (ปู่/ย่า/ตา/ยาย/พ่อ/แม่/พี่/น้อง)
– จำเป็นต้องไปรับบุตรมาดูแล
– มีหมายศาล/หน่วยราชการเรียกตัว
– ไม่ได้รับอนุญาตให้พำนักต่อในฝรั่งเศส
– เข้ารับการศึกษาตามโปรแกรมการแลกเปลี่ยนการศึกษา รปท.
– เหตุเร่งด่วนเกี่ยวกับสุขภาพ (+ผู้ติดตาม 1 ราย หากจำเป็น)
– ประกอบหน้าที่ที่จำเป็นเพื่อความต่อเนื่องของกิจกรรมทางเศรษฐกิจ (อาทิ การขนส่งระหว่างประเทศ)
– บุคลากรทางการแพทย์ หรือ นักวิจัย
– การเดินทางราชการที่จำเป็น
– การเข้าร่วมการแข่งขันกีฬามืออาชีพระดับสูง ซึ่งได้รับการรับรองจากกระทรวงการกีฬาฝรั่งเศส


กลุ่มประเทศสีแดง หรือกลุ่มประเทศที่มีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสเป็นการทั่วไป และมีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสสายพันธุ์ใหม่ที่น่ากังวล ได้แก่ แอฟริกาใต้ อาร์เจนตินา บาห์เรน บังกลาเทศ โบลิเวีย บราซิล ชิลี โคลอมเบีย คอสตาริกา อินเดีย เนปาล ปากีสถาน ศรีลังกา ซูรินาเม ตุรกี และอุรุกวัย ซึ่งรัฐบาลฝรั่งเศสแนะนำให้หลีกเลี่ยงการเดินทางไปยังกลุ่มประเทศสีแดง
การเดินทางจากประเทศฝรั่งเศสไปยังประเทศสีแดง
1.หากมีหลักฐานการฉีดวัคซีนที่ได้รับความเห็นชอบจากองค์กรยายุโรป
– ต้องมีเหตุจำเป็นในการเดินทางออกจากประเทศฝรั่งเศส (ยกเว้นกรณีที่ประเทศปลายทางกำหนด)
– การตรวจหาเชื้อก่อนขึ้นเครื่อง, เมื่อเดินทางถึง, การแยกตัวเป็นไปตามมาตรการของประเทศปลายทาง
2.หากยังไม่ได้ฉีดวัคซีน
– ต้องมีเหตุจำเป็นในการเดินทางออกจากประเทศฝรั่งเศษ (ยกเว้นกรณีที่ประเทศปลายทางกำหนด)
– การตรวจหาเชื้อก่อนขึ้นเครื่อง, เมื่อเดินทางถึง, การแยกตัวเป็นไปตามมาตรการของประเทศปลายทาง

การเดินทางจากประเทศสีแดงไปยังประเทศฝรั่งเศส
1.หากมีหลักฐานการฉีดวัคซีนที่ได้รับความเห็นชอบจากองค์กรยายุโรป
– ต้องมีเหตุจำเป็นในการเดินทางเข้าประเทศฝรั่งเศส
– ต้องแสดงผล test PCR หรือ test antigénique เป็นลบไม่เกิน 48 ชม. ก่อนเดินทาง
– ตรวจหาเชื้อแบบ test antigénique เมื่อเดินทางถึงประเทศฝรั่งเศส
– แยกตัวเป็นเวลา 7 วัน เมื่อเดินทางถึงประเทศฝรั่งเศส
2.หากยังไม่ได้ฉีดวัคซีน
– ต้องมีเหตุจำเป็นในการเดินทางเข้าประเทศฝรั่งเศส
– ต้องแสดงผล test PCR หรือ test antigénique เป็นลบไม่เกิน 48 ชม. ก่อนเดินทาง
– ตรวจหาเชื้อแบบ test antigénique เมื่อเดินทางถึงประเทศฝรั่งเศส
– แยกตัวเป็นเวลา 10 วันเมื่อเดินทางถึงประเทศฝรั่งเศสโดยมีการตรวจสอบของทางการฝรั่งเศส

เหตุผลจำเป็นในการ ”เดินทางเข้า” ประเทศฝรั่งเศสจากประเทศสีแดง ได้แก่
– เป็นชาวฝรั่งเศสและคู่สมรส (หรือคู่ชีวิต หรืออยู่ร่วมกัน) และบุตร
– เป็นบุคคลสัญชาติประเทศสมาชิกอียู และคู่สมรส (หรือคู่ชีวิต หรืออยู่ร่วมกัน) และบุตร ซึ่งมีถิ่นพำนักหลักที่ประเทศฝรั่งเศส
– ชาวต่างชาติที่มีบัตรต่างด้าว (titre de séjour) หรือมีวีซ่าระยะยาวของประเทศฝรั่งเศส หรือของยุโรป ซึ่งยังมีอายุอยู่ และมีถิ่นพำนักหลักในประเทศฝรั่งเศส แต่ต้องเดินทางออกจากประเทศฝรั่งเศสไปก่อนวันที่ 31 ม.ค. 64 หรือมีเหตุจำเป็น
– ชาวต่างชาติที่มีวีซ่าระยะยาวประเภทของการรวมตัวกันของครอบครัว
– พนักงานขนส่ง (บก, เรือ, อากาศ)
– ชาวต่างชาติที่ปฏิบัติหน้าที่ในสถานทูต, สถานกงสุล, องค์การระหว่างประเทศในฝรั่งเศส รวมทั้งคู่สมรสและบุตร
– ผู้ที่ transit ไม่เกิน 24 ชม. และไม่ออกจากสนามบิน

ที่มา : Royal Thai Embassy – Paris, France – สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงปารีส

ปรึกษาฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย Free Consulting !

คำสัญญาจากเรา